นี่คืออีเมลล์จากผู้สนใจชาวมุสลิม
ผมได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาคริสต์มามากพอสมควร แต่สิ่งที่ทำให้คริสต์ไม่มีความใกล้เคียงกับศาสนาก็คือ ในท่ามกลางชาวคริสต์ด้วยกันมีการแบ่งแยกเป็นคณะนิกายมากเกินไป ซึ่งแต่ละกลุ่มก็ยึดคำสอนที่แตกต่างกัน
แม้อิสลามเองจะมีหลายนิกาย แต่เราก็นับถือในพระเจ้าเหมือนกัน เราเชื่อในมูฮัมหมัด (อ.ล.)เหมือนกัน เราเชื่อในอัลกุรอานเล่มเดียวกัน (คัมภีร์สำหรับชาวมุสลิม) - บิลัล
คุณอาจจะพบมุสลิมที่เป็นผู้สนใจเหมือนกับบิลัล ที่ยกประเด็นเรื่องหลักข้อเชื่อที่แตกต่างกันของศาสนาคริสต์เป็นหลักฐานว่า “ศาสนาคริสต์ไม่ใช่ศาสนาที่มาจากพระเจ้าจริงๆ”
ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ไม่สามารถยอมรับศาสนาอิสลามได้เพราะอิสลามก็มีกลุ่มความเชื่อที่แตกต่างด้วยเช่นกัน
แล้วคุณจะตอบคำถามในประเด็นนี้อย่างไร?
เรื่องของความหลากหลายทางกลุ่มคณะนิกายของคริสเตียนเป็นเพียงเรื่องหลักปฏิบัติทางศาสนพิธีที่แตกต่างกันเท่านั้น เหมือนกับเรื่องการรับบัพติศมาแบบไหนถึงจะถูกต้อง?
หรือ...จะเลือกผู้นำคริสตจักรแบบไหน? ประเด็นที่เราต้องให้ความสำคัญคือ…ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนแนวไหน หรือคณะใด ต่างก็ยอมรับในประเด็นหลักที่เป็นเรื่องสำคัญเหมือนๆกัน
เช่น เราเชื่อในพระเจ้าผู้สร้างฟ้าสวรรค์และโลกเพียงองค์เดียว เรายอมรับว่าพระเยซูเป็นทางเดียวที่จะไปถึงพระเจ้า และแน่นอนว่ามีอีกหลายเรื่องที่พวกเราเชื่อและยอมรับเหมือนกัน
ความจริงแล้ว นี่คือโอกาสที่ดีมากที่เราจะประกาศพระกิตติคุณกับผู้สนใจที่ทักมาคุยทางออนไลน์ เราสามารถอธิบายให้เขาฟังเรื่องหลักข้อเชื่อที่คณะนิกายต่างๆ ต่างก็ยอมรับและเชื่อเหมือนกัน
ซึ่งก็คือ “ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์”
มุสลิมหลายคนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ จึงทำให้พวกเขาดูหมิ่นศาสนาคริสต์เพราะเรื่องหลักปฏิบัติที่แตกต่างกันของแต่ละคณะนิกาย
ความแตกต่างกันระหว่างศาสนาคริสต์และอิสลามคือ อิสลามจะมีหลักการปฏิบัติศาสนกิจที่ถูกกำหนดไว้อย่างถูกต้องเพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น เช่น การนมัสการที่ถูกต้องมีเพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น
แต่ในขณะที่ศาสนาคริสต์มีวิธีการแสดงออกในการปฏิบัติศาสนพิธีได้อย่างอิสระ แต่ศาสนาคริสต์จะให้ความสำคัญกับท่าทีภายในใจมากกว่า
ซึ่งมุสลิมส่วนใหญ่ไม่ได้ตระหนักกับความจริงข้อนี้ เราจึงเห็นว่าคริสเตียนไม่ได้ให้ความสำคัญกับวิธีการปฏิบัติ แต่มุสลิมกลับให้ความสำคัญในจุดนี้
ตัวอย่างเช่น มุสลิมเชื่อว่ามีเพียงรูปแบบวิธีการเดียวเท่านั้นที่เป็นการละหมาด (การอธิษฐาน)ที่ถูกต้อง และมุสลิมต่างนิกายก็มีวิธีการของตัวเอง พวกเขาเชื่อว่าวิธีการของตัวเองเท่านั้นเป็นวิธีการที่ถูกต้อง
ส่วนในศาสนาคริสต์ พระคัมภีร์ไม่ได้บอกเราว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรจึงเรียกว่าเป็นการอธิษฐานที่ถูกต้อง เราสามารถอธิษฐานได้ในทุกรูปแบบที่เราต้องการ ดังนั้นเราจึงเห็นคริสเตียนคณะหนึ่งคุกเข่าลงเมื่ออธิษฐาน
ในขณะที่คริสเตียนอีกคณะหนึ่งจะยืนและชูมือขึ้นเมื่ออธิษฐาน ลักษณะการอธิษฐานที่แตกต่างกัน หรือวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกันของคริสเตียนแต่ละคณะไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอะไร
แต่เป็นการสะท้อนความจริงที่ว่า...พันธสัญญาใหม่ไม่ได้กำหนดรูปแบบหลักปฏิบัติของการนมัสการ นี่เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราอธิบายต่อผู้สนใจชาวมุสลิมที่เข้ามาคุยกับเราได้ เพราะมุสลิมมักเข้าใจผิดเรื่องการแตกต่างของคณะนิกายในศาสนาคริสต์
จากตัวอย่างข้างต้น ต่อไปนี้คืออีเมลล์ที่ผู้ให้คำปรึกษาได้เขียนตอบต่อบิลัล
ถึง... บิลัล
สิ่งที่คุณเขียนเกี่ยวกับความแตกต่างกันในศาสนาคริสต์ถือว่าเป็นเรื่องน่าสนใจนะครับ แต่ผมคิดว่าเรื่องของความแตกต่างที่เกิดขึ้นในศาสนาคริสต์นั้นเป็นเพียงเรื่องผิวเผินที่ไม่สำคัญ เพราะทุกคณะนิกายต่างก็เชื่อในพระเจ้าพระผู้สร้างเหมือนกัน
เราเชื่อในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่าเป็นถ้อยคำบริสุทธิ์จากพระเจ้าเหมือนกัน เราเชื่อว่าอีซา (พระเยซู) คืออัลมาซีฮฺ (พระเมสสิยาห์) และโดยความเชื่อศรัทธาในอีซาเราจึงสามารถมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้ อิสลามเองก็มีนิกายเหมือนกัน
แต่คริสต์นิกายคาทอลิกกับนิกายโปรแตสแตนท์ก็มีความแตกต่างกันมาก จากที่ผมเคยคุยกับเพื่อนมุสลิม อิสลามนิกายสุนหนี่กับชีอะห์ค่อนข้างจะคล้ายกัน มันน่าเศร้าที่ในอดีตคริสเตียนคาทอลิกและโปรแตสแตนท์ต่อสู้กันเอง
อีซาเองก็กล่าวโทษการใช้ความรุนแรง ท่านกล่าวว่า “อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย ถ้าใครต้องการจะฟ้องศาล เพื่อจะปรับเอาเสื้อของท่านไป
ก็จงสละเสื้อคลุมให้เขาด้วย ถ้าใครจะเกณฑ์ท่านให้เดินทางไปหนึ่งกิโลเมตร ก็ให้เลยไปกับเขาถึงสองกิโลเมตร” (อินญีล มัทธิว 5:39-41)
ลุค
การตอบสนองแบบนี้ถือว่าดี เพราะว่าเรากล่าวตรงไปตรงมาทั้งของคริสต์และอิสลามอย่างสุภาพ ไม่ได้พยายามพิสูจน์ว่าใครดีกว่าใคร และจบลงด้วยการชี้ประเด็นไปที่การแสวงหาพระเยซู
ที่มา: https://tmm.io/resources/muslim/for-the-love-of-muslims/muslims-22-divisions-in-christianity